วิญญาณธาตุมีกายวิญญาณวิบากเป็นต้นเกิดโดยอาศัยทั้ง
- กัมมชกายปสาท
- นานักขณิกกัมมปัจจัย
- รูปารมณ์
ปัจจัยเหล่านั้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมกันและกันอย่างมาก กระทั่งว่า เจตสิกเกิดร่วมอีกแค่ 7 ดวง ก็ถึงอุปปันนะ (เกิดขึ้น) ได้แล้ว.
ดังนั้น ถ้ากำลังจะเข้าฌาน แล้วมีรูปารมณ์มากระทบ, ภาวนาวาระจิต ที่เกิดได้ทางมโนทวารเท่านั้น ก็จะถูกคั่นกลางด้วยปัญจทวารที่ไม่เป็นภาวนาวาระทันที.
กลายเป็นว่า ปัญจทวารวิถี ที่ไม่มีปัญจทวาราวัชชนะ เป็นศัตรูของภาวนา ยิ่งกว่า นิวรณ์เสียอีก, เพราะนิวรณ์อาศัยปัจจัยเยอะกว่ามาก กว่าจะเกิดขึ้นมาได้แต่ละดวง.
แต่เมื่อมีปัญจทวาราวัชชนะ...
ปัญจทวาราวัชชนะเป็นกิริยาจิต ไม่ถูกปัจจัย 3 ข้อข้างต้นบังคับ เกิดขึ้นเพราะปกตูปนิสสยปัจจัยจากอตีตภวังค์ ภวังคจลนะ และอนันตรูปนิสสยปัจจัยจากภวังคุปัจเฉทะ, ซึ่งทั้ง 4 ดวง (รวมปัญจทวาราวัชชนะ) ได้รับปกตูปนิสสยปัจจัยจากโผฏฐัพพายตนารมณ์ เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยด้วย.
ดังนั้น โผฏฐัพพะจะกระทบกัมมชกายปสาทะของผู้ทำฌานเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้ฌานชวนะตัดกระแส เพื่อให้โอกาสกายวิญญาณวิบากเกิด, เพราะได้ตั้งใจไว้แล้วว่า จะไม่ให้ปัญจทวาราวัชชนะเกิด ด้วยอธิษฐานวสี นั่นเอง.
ส่วนกายวิญญาณวิบาก อธิษฐานไม่ได้ เพราะอำนาจกรรมแรงมาก ทั้งจากกายวิญญาณินทรีย์, กายินทรีย์ ทั้งคู่ล้วนเกิดจากกรรมทั้งสิ้น.
อนึ่ง ตอนที่เราเรียนกรรมฐานว่า "ไม่ให้ใส่ใจอย่างอื่น นอกจากอารมณ์กัมมัฏฐาน" ขณะนั้นแหละ เรากำลัง มีปัญจทวาราวัชชนะเป็นอารมณ์ โดยเปรียบเทียบเทียบกับมโนทวาราวัชชนะที่มีกัมมัฏฐานเป็นอารมณ์ว่า "แบบนี้ให้เกิด, แบบนี้ไม่ให้เกิด".
เพราะเราแก้กรรมไม่ได้, แต่เราฝึกอาวัชชนะได้นั่นเอง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
รับตอบปัญหาธรรมะ ตามพระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา
ท่านสอบถาม/แสดงความคิดเห็น/บอกข้อบกพร่องของบทความได้ที่ facebook: ตอบปัญหาธรรมะลึกซึ้ง หรือ ช่องตอบกลับข้างล่างนี้.