วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

การทำบุญบาปเหมือนสะสม exp เลเวลในเกม แต่เกมชีวิตมันมีลดเลเวลได้

 การทำบุญบาปเหมือนสะสม exp เลเวลในเกม แต่เกมชีวิตมันมีลดเลเวลได้ ถ้าไม่ทำครบขั้นตอนแบบพระพุทธเจ้าบอกสูตรไว้ คือ ดีแล้วกลับมาชั่วทีหลัง ชั่วแล้วกลับมาดีที่หลังได้ จนกว่าจะบรรลุมรรคผล ครับ.

1. ใจขยันทำบุญ 10 ทำให้บุญเก่าให้ผลได้ จึงได้เจอเพื่อนที่เก่งด้านบุญ 10 มากกว่าเราหลากหลายขึ้นๆ.

2. พอมีเพื่อนที่เก่งด้านบุญ 10 มากกว่าเราหลากหลายขึ้น ก็จะมีตัวอย่างดีๆ ให้เลียนแบบมากขึ้นๆ สูงขึ้นๆ.

3. ความชำนาญเชี่ยวชาญด้านบุญก็จะว่องไว ติดขัดน้อยลง หลากหลายมากขึ้น. จนในที่สุดคิดบุญอย่างมีความสุขนั้นได้ทั้งวันทั้งคืนไม่ต้องพักผ่อนเลย (เข้าฌาน).

4. ถึงขั้นนี้ #จะมีนิสัยบางอย่างที่มองไม่เห็น ยังมีนิสัยไม่ดีหลงเหลือ ตรงนี้แหละต้องพัฒนาต่อด้วยวิธีของพระพุทธเจ้า.

5. วิธีของพระพุทธเจ้า คือ เอาบุญทุกอย่างมาพัฒนาอย่างเป็นระบบให้ถึงที่สุด เป็นลำดับขั้นตอนชัดเจน เช่น จะทำบุญต้องเรียนประสบการณ์ทำบุญด้วยการระลึกชาติย้อนไปพันชาติหมื่นชาติ (เหมือนเปิดวีดีโอสาธิตการทำบุญทำบาปและผลที่ได้รับอย่างรวดเร็วแล้วเราก็เห็นทันหมดจำได้หมด), หรือจะละกิเลสก็ต้องเห็นอนัตตาแตกทำลายเหลือเพียงจิตและเจตสิกที่เกิดดับล้านๆ ครั้ง กายใจเป็นสัมพันธภาพกันอยู่ ในเสี้ยววินาที (trillions times) เหมือนนักวิทยาศาสตร์ถ้าไม่เห็นระดับอนุภาคก็จะทำให้เข้าใจผิดคำนวนพลาด เป็นต้น.

6. พอมาถึงระดับนี้ ก็จะเริ่มสะสมความรู้สึกว่า ไม่มีใครที่ต้องโกรธแล้วครับ มีแต่สิ่งที่ต้องรักษาใจให้เป็นบุญ (แน่หล่ะ เห็นแล้วนี่ว่าตกนรกเพราะบาปมานับไม่ถ้วน) เหลือแต่คนน่าสงสารล้วนๆ โกรธไม่ลงเลย เพราะเกิดดับทุกข์ทนกันมายาวนานไม่สิ้นสุด ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรน่าเพลิดเพลินเลย ก็ยังอยากเวียนตายเวียนเกิดไม่สิ้นสุด😅


วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2565

ความแตกต่างของการรู้ขณะปรมัตถ์ของญาณวิปปยุตตจิตกับญาณสัมปยุตตจิต และการรู้ปรมัตถ์ในศาสนากับนอกศาสนาต่างกันอย่างไร?

 ความแตกต่างของการรู้ขณะปรมัตถ์ของญาณวิปปยุตตจิตกับญาณสัมปยุตตจิต และการรู้ปรมัตถ์ในศาสนากับนอกศาสนาต่างกันอย่างไร? คือ ญาณวิปปยุตไม่แทงตลอดสภาคฆฏนา จริงอยู่ แม้ไม่มีพระพุทธเจ้าตรัสสอน หมู่สัตว์ก็ใช้ชีวิตอยู่กับสภาคฆฏนาอยู่แล้ว แต่ญาณวิปปยุตไม่สามารถแทงตลอดธัมมสภาวะของสภาคฆฏนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ 6 ได้ เพราะไม่มีความชำนาญในแง่มุมต่างๆของธัมมะ (ธัมมสภาวะ[ปัจจัยปัจจยุปบัน]) เช่น คนเห็นแม่ของตนกับของคนอื่น แม่ของตนก็ปรากฎชัดกว่าของคนอื่น และประโยชน์ 6 ใดๆ ที่จะเกิดขึ้นได้โดยการมีปรมัตถ์ที่เรียกว่าแม่ของตนเป็นอารมณ์ก็สามารถปรากฎชัดได้โดยไม่ต้องนึกคิดมนสิการให้เสียเวลา เป็นต้น จากตัวอย่างนี้ในขณะที่โลกิยญาณนี้แทงตลอดอย่างนั้นก็มีทั้งบัญญัติและปรมัตถ์สภาคฆฏนาเป็นอารมณ์โดยไม่จำเป็นต้องเคยฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ญาณสัมปยุตของผู้ไม่ได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าจะไม่สามารถเห็นสภาคฆฏนาได้ชัดเจน (เห็นได้บ้าง แทงตลอดได้บ้าง แต่ไม่จัดว่าเป็นอภิธรรม เพราะรู้จริงบ้าง รู้มั่วบ้าง สับสนไปหมด) จนแทงตลอดอนัตตลักษณะ เพราะการรู้สภาคฆฏนาในปุถุชนผุ้ไม่ได้สดับนั้นไม่สามารถภาวนาพัฒนาได้ถึงระดับฆนวินิพโภคะแบบขณะปรมัตถ์เกิดดับแบบสังขตลักษณะอย่างที่พระพุทธเจ้าและสาวกของพระองค์สามารถทำปริญญาสำเร็จได้ จึงไม่มีทางกำจัดกิเลสได้สิ้นสักที. จริงอยู่ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับทำได้เพียงการรู้นามรูปปรมัตถ์สะเปะสะปะ ตรงจริงบ้าง มั่วบ้าง แทงตลอดบ้าง รู้ไปเรื่อยๆบ้าง มืดบอดคลำช้างเดาทางไปเรื่อยเปื่อย ปุถุชนที่มีอารมณ์เป็นปรมัตถ์อยู่นั้นไม่สามารถจะรู้ว่า ที่ชื่อว่าสัตว์ จริงแล้วแค่นามขันธ์ 4 รูปขันธ์ 1 เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน เป็นของละเอียด แม้เมื่อทำกุศลอยู่ก็ยึดมั่นถือมั่นสลับกันไป อย่างนี้ๆเป็นไปไม่สิ้นสุดเพราะตัณหาติดใจอวิชชาปกปิดอยู่ เหมือนคนเห็นสีอยู่ก็เห็นปรมัตถ์ แทงตลอดอยู่ว่าสีที่ต่างทำให้เห็นต่าง จึงให้ทานที่แตกต่างกันเพื่อหวังบุญ ก็เป็นโลกิยญาณสัมปยุตแทงตลอดบัญญัติและปรมัตถ์สภาคฆฏนาแค่พอจะทำทานอย่างฉลาดได้เท่านั้น (แม้โลกิยปัญญาก็เกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีการแทงตลอดธัมมสภาวะ) แต่ไม่แทงตลอดว่าสีกำลังเกิดดับอย่างรวดเร็วเพราะปัจจัยมากมาย และจะเกิดดับต่อไปตราบเท่าที่ยังมีตัณหาอวิชชาเกิดได้อยู่. ส่วนพระพุทธเจ้าและสาวกสามารถจะภาวนาจนแทงตลอดนามรูปปรมัตถ์ทั้งอดีตอนาคตปัจจุบันได้ชัดเจน ไม่เหลือความเป็นกลุ่มก้อน มีเพียงธัมมสภาวะสภาคฆฏนาที่เกิดดับตามปัจจัยเป็นลำดับซับซ้อนเท่านั้นที่เป็นไปละเอียดรวดเร็วนับประมาณไม่ได้ แต่ก็เหล่าพุทธทั้งหลายก็สามารถแทงตลอดได้อย่างชัดเจนไม่สับสน จึงคลายตัณหาทำลายอวิชชาสิ้นได้. 

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ไม่ใช่สักแต่ว่าเรียน ไม่ใช่สักแต่ว่าทำสมาธิ แต่คือเรียนอย่างไรการทำสมาธิจึงจะมีคุณภาพ

สาธุ กุศลจิตครับ และสาธุที่ร่วมกันทำกิจกรรมพร้อมเพรียงกันทำกุศล กับเพื่อนสหธรรมิก ครับ😊🙏

เรียนเยอะ รู้เยอะ เห็นเยอะ
เลยยึดมั่นถือมั่นธรรมะเยอะ
เพราะสมาธิไม่พอจะคุ้มครองทวาร5
จากการเรียน (เรียน=กามคุณ5)
วิธีแก้ คือ ทำสมาธิเยอะๆ ไม่ใช่ไม่เรียน
และไม่ใช่เรียนเยอะๆ แต่เป็นคุณภาพจิตที่เรียน
บางคนไม่เรียนเลยก็สุดโต่ง 
แต่คนที่หมกมุ่นกับการเรียนก็สุดโต่งเช่นกัน

บางทีเราเรียนด้วยนิสัยเดิมที่เป็นอกุศล การเรียนที่อาศัยกามคุณ คือ สี เสียง ทางตา หู จึงถูกอุปาทาน 4 ยึดครอง ยึดมั่นถือมั่นว่า "ต้องสีนี้ เสียงนี้เท่านั้น  อย่าได้เป็น สีนั้น เสียงนั้น คือ ต้องบาลีนี้เท่านั้น อย่าได้เป็นบาลีนั่น, ต้องแปลให้ฉันเข้าใจเท่านั้น อย่าได้เป็นบาลีฉันไม่เข้าใจ ฉันห้ามงง เธอต้องทำให้ฉันเข้าใจ ถ้าฉันงง คือเธอทำไม่ถูกต้องเท่านั้น, ต้องนั่งสมาธิ อย่าได้เรียน ถ้าเธอฟุ้งซ่านเธอต้องผิดเท่านั้น, ฉันไม่ฟุ้งซ่านเลย ฉันเป็นกุศลเท่านั้นตลอดเลย" เป็นต้น.

ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นอุปาทาน 4 ยึดมั่นถือมั่นแม้การเรียนที่ควรเป็นกุศล ก็กลายเป็นอกุศล. ซึ่งละเอียดเกิดดับล้านๆ ขณะ (trillion) ในเสี้ยวนาที, ถ้าไม่มีสมาธิมาก ก็เหมารวมยึดมั่นอย่างรวดเร็ว ไปพร้อมๆ กับกุศลที่ตั้งใจเรียนนั่นเอง.

แต่พระพุทธเจ้าผู้ฉลาดในการผสมอักษรได่เลือก ระบบมุขปาฐะ (เรียนแบบลูกศิษย์ผูกปิ่นโตกับอาจารย์) เพื่อแก้ปัญหาเรียนแล้วฟุ้งซ่านเหล่านี้.

เพราะเมื่อมีศรัทธาในผู้ทรงจำพระไตรปิฎกที่กรรมฐานมั่นคง เช่น พะอ็อคตอยะสยาดอ ก็สามารถค่อยๆเรียนปีละไม่มากได้ แต่เน้นไปที่การพัฒนากุศลจิตพื้นฐานก่อนด้วยการสังเกตเลียนแบบอาจารย์ (ไม่ต้องเรียนเป็นคำๆ) ซึ่งเป็นวิธีที่พูดน้อย ฟังน้อย ฟุ้งซ่านน้อยกว่า  แต่มีประสิทธิภาพสูงกว่า เพราะมีเวลาทำสมาธิปูพื้นฐานกุศลจิตให้กลายเป็นภาวนามากกว่า  และจะเห็นว่า มีความครบถ้วนตามข้อแนะนำการเจริญโพชฌงค์ ตาม อ. มหาสติปัฏฐานสูตร ทุกข้อบริบูรณ์.

เมื่อเป็นอย่างนี้ เรียนก็ไม่เสีย สมาธิก็ได้ กุศลก็พัฒนา จากที่หนึ่งวินาทีเหมารวมว่ากุศลทั้งหมด ดีงามทั้งหมด จะเริ่มเห็นตัณหาทิฏฐิมานะที่เกิดแทรกอยู่สลับอยู่ เพราะสมาธิที่สะสมก็จะค่อยๆ เข้าใจบทแม้น้อยที่ค่อยๆเรียนอย่างลึกซึ้ง จากพระอาจารย์กรรมฐานผู้ทีงจำพระไตรปิฎกบาลี จนเห็นนามขณะ รูปขณะ ที่ละเอียดแสนละเอียด เห็นกิเลสที่แสนละเอียดเหลือเกินแทรกซึมอยู่ไหนๆขณะทำกุศลในเสี้ยววินาที.

นี้คือ คุณภาพการเรียนที่ได้จากการเรียนแบบโบราณมุขปาฐะผูกปิ่นโตท่องจำทีละน้อย แต่ทำสมาธิมากๆ ครับ เห็นอุปาทานได้ชัด ได้เร็วดี😊🙏

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2564

พุทธบารมี

 บารมีของพระพุทธเจ้า คือ การสะสมนิสัยที่ดีงามต่างๆ มายาวนานนับชาติไม่ถ้วน คำนวนไม่ได้ ของพระพุทธเจ้า เพื่อที่จะตรัสรู้ ครับ.

บารมีมี 10 คือ 

1. #ฝึกนิสัยเสียสละอกุศลสั่งสมกุศล พระพุทธเจ้าผ่านการฝึกนิสัยเสียสละทุกอย่างแม้กระทั่งสละชีวิต เพื่อช่วยคนอื่นให้ได้ฝึกนิสัยเสียสละตามๆกันนับไม่ถ้วนชาติ (ทาน),

2. #ฝึกนิสัยห้ามกายวาจาจากอกุศลธรรมเพื่อเจริญกุศล พระพุทธเจ้าผ่านการฝึกนิสัยห้ามกายวาจาจากอกุศลธรรมทุกอย่างแม้กระทั่งสละชีวิต เพื่อช่วยคนอื่นให้ได้ฝึกนิสัยเสียสละอกุศลสั่งสมกุศลตามๆกันนับไม่ถ้วนชาติ (ศีล),

3. #ฝึกนิสัยห้ามใจจากกามคุณ5 (สีเสียงกลิ่นรสสัมผัส) เพื่อเจริญกุศล พระพุทธเจ้าผ่านการฝึกนิสัยห้ามใจจากกามคุณ 5 ทุกอย่างแม้กระทั่งสละชีวิต เพื่อช่วยคนอื่นให้ได้ฝึกนิสัยเสียสละอกุศลสั่งสมกุศลตามๆกันนับไม่ถ้วนชาติ (เนกขัมมะ),

4. #ฝึกนิสัยเข้าใจเหตุผลความจริงโดยแง่มุมต่างๆ ห้ามอกุศลรักษากุศล พระพุทธเจ้าผ่านการฝึกนิสัยเข้าใจเหตุผลความจริงโดยแง่มุมต่างๆ ทุกอย่างแม้กระทั่งสละชีวิต เพื่อช่วยคนอื่นให้ได้ฝึกนิสัยเสียสละอกุศลสั่งสมกุศลตามๆกันนับไม่ถ้วนชาติ (ปัญญา),

5. #ฝึกนิสัยเพียรอย่างต่อเนื่องไม่ย่อท้อในการห้ามอกุศลทุกอย่างจนเกิดแต่กุศลต่อเนื่องไม่มีระหว่างคั่น พระพุทธเจ้าผ่านการฝึกนิสัยเพียรอย่างต่อเนื่องไม่ย่อท้อในการห้ามอกุศลทุกอย่างจนเกิดแต่กุศลต่อเนื่องไม่มีระหว่างคั่นทุกอย่างแม้กระทั่งสละชีวิต เพื่อช่วยคนอื่นให้ได้ฝึกนิสัยเสียสละอกุศลสั่งสมกุศลตามๆกันนับไม่ถ้วนชาติ (วิริยะ),

6. #ฝึกนิสัยอดทนไม่ขุ่นเคืองที่จะห้ามอกุศลรักษากุศล พระพุทธเจ้าผ่านการฝึกนิสัยอดทนไม่ขุ่นเคืองที่จะห้ามอกุศลรักษากุศลทุกอย่างแม้กระทั่งสละชีวิต เพื่อช่วยคนอื่นให้ได้ฝึกนิสัยเสียสละอกุศลสั่งสมกุศลตามๆกันนับไม่ถ้วนชาติ (ขันติ),

7. #ฝึกนิสัยตัดสินใจเก่งที่จะห้ามอกุศลตัดสินใจเก่งรักษากุศล พระพุทธเจ้าผ่านการฝึกนิสัยตัดสินใจเก่งที่จะห้ามอกุศลตัดสินใจเก่งรักษากุศลทุกอย่างแม้กระทั่งสละชีวิต เพื่อช่วยคนอื่นให้ได้ฝึกนิสัยเสียสละอกุศลสั่งสมกุศลตามๆกันนับไม่ถ้วนชาติ (อธิษฐาน),

8. #ฝึกนิสัยรักษาสัจจะที่เคยตัดสินใจไว้ว่าจะห้ามอกุศลเจริญกุศล พระพุทธเจ้าผ่านการฝึกนิสัยทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต เพื่อช่วยคนอื่นให้ได้ฝึกนิสัยเสียสละอกุศลสั่งสมกุศลตามๆกันนับไม่ถ้วนชาติ (สัจจะ),

9. #ฝึกนิสัยหวังดีหวังประโยชน์ให้ผู้อื่นห้ามอกุศลเจริญกุศล พระพุทธเจ้าผ่านการฝึกนิสัยทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตโดยปราศจากความขุ่นเคือง เพื่อช่วยคนอื่นให้ได้ฝึกนิสัยเสียสละอกุศลสั่งสมกุศลตามๆกันนับไม่ถ้วนชาติ (เมตตา),

10. #ฝึกนิสัยประคับประคองการห้ามอกุศลเจริญกุศลให้สมดุลไม่ขัดแย้งกันเพื่อจะได้เกิดอย่างต่อเนื่องไม่มีระหว่างขั้น พระพุทธเจ้าผ่านการฝึกนิสัยประคับประคองการห้ามอกุศลเจริญกุศลให้สมดุลไม่ขัดแย้งกันเพื่อจะได้เกิดอย่างต่อเนื่องไม่มีระหว่างขั้นทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต เพื่อช่วยคนอื่นให้ได้ฝึกนิสัยเสียสละอกุศลสั่งสมกุศลตามๆกันนับไม่ถ้วนชาติ (อุเบกขา).

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ชวนกันเลิกแซะ

การแซะ การพูดไม่มีเมตตา เป็นธรรมชาติของผู้ทึ่เติบโตมาในสังคมที่ไม่ไตร่ตรองให้ละเอียดรอบคอบในใจเสีย ก่อนจะปล่อยคำพูด ก่อนจะทำออกมา บางทีครอบครัวอาจจะพูดจาทำร้ายจิตใจมาตั้งแต่เด็ก พอโตมาก็เลยคิดไปว่า การแซะ การพูดทำร้ายจิตใจผู้อื่นนั้นดีงาม ไม่มีโทษ😅, ฉะนั้น ผู้ที่อยากจะช่วยเหลือสังคม ก็ต้องทำให้เขาเห็น ทำให้เป็นตัวอย่างว่า การไตร่ตรองมีเมตตาก่อนพูดนั้น มันดีกว่าอย่างไร ให้ประโยชน์กว่าอย่างไร ให้ความสุขมากกว่าการแซะอย่างไร เมื่อเขาเข้าใจ เขาจะเปลี่ยนเองครับ 😊😊😊

ความเพียร คือ กุศลต่อเนื่องและกุศลต่อเนื่องด้วยภาวนาเพราะภาวนาแปลว่า เกิดต่อเนื่องไม่มีนิวรณ์/ภวังค์ เกิดคั่นกลาง

ความเพียร คือ กุศลต่อเนื่อง
และกุศลต่อเนื่องด้วยภาวนา
เพราะภาวนาแปลว่า เกิดต่อเนื่อง
ไม่มีนิวรณ์/ภวังค์ เกิดคั่นกลาง

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564

นิพพานเมืองแก้ว คือ อะไร?

ตัณหาสร้างภพอย่างไร?

อยากให้มีต่อไป ไม่อยากให้มีต่อไป อยากบ้าง ไม่อยากบ้างที่จะสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ไม่สิ้นสุด.

อยากให้มีเราอยู่ในเมือง ไม่อยากให้มีเราเกิดเป็นมนุษย์ อยากให้อยู่ถาวรไม่สิ้นสุด

แต่เมืองที่เห็น ก็เป็นขันธ์ 5 เกิดดับอย่างรวดเร็ว ล้านๆ ครั้งในเสี้ยววินาที.

ไม่มีเมือง หรือ สิ่งใดในเมือง ที่จะสามารถอยู่ได้ชั่วกัลปวาศาล เพราะเหตุปัจจัยเกิดดับมากมายอย่างรวดเร็ว ขันธ์ทั้งหมด ก็ย่อมเกิดดับไปตามปัจจัยของตนๆ อย่างรวดเร็วเช่นกัน.

นี่จึงเป็นเหตุว่า ทำไมจึงต้องเห็นนามรูปเกิดับเป็นขณะล้านๆครั้งในเสี้ยววินาที ในอุทยัพพยญาณ ก็เพื่อให้เห็นธรรมตามเป็นจริงนั่นเอง ครับ.



การทำบุญบาปเหมือนสะสม exp เลเวลในเกม แต่เกมชีวิตมันมีลดเลเวลได้

 การทำบุญบาปเหมือนสะสม exp เลเวลในเกม แต่เกมชีวิตมันมีลดเลเวลได้ ถ้าไม่ทำครบขั้นตอนแบบพระพุทธเจ้าบอกสูตรไว้ คือ ดีแล้วกลับมาชั่วทีหลัง ชั่วแ...