วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

ชื่อญาณที่วิสุทธิมรรคเอามาจากปฏิสัมภิทามรรคตั้งจากผลปรากฎของภาวนา, ไม่ใช่ชื่อที่แสดงข้อปฏิบัติ.

ชื่อญาณที่วิสุทธิมรรคเอามาจากปฏิสัมภิทามรรคตั้งจากผลปรากฎของภาวนา, ไม่ใช่ชื่อที่แสดงข้อปฏิบัติ.

ซึ่งผู้ที่เข้าใจผิดบางท่าน ก็จะเอาชื่อญาณมาแปล แล้วก็จะเอาไปปฏิบัติเลย เช่น:-

ข้อความในอุทเทส (ส่วนสารบัญหัวข้อสำหรับท่องจำ) มีอยู่ว่า:

ปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปริณามานุปสฺสเน ปฺา อุทยพฺพยานุปสฺสเน าณํฯ
สภาพที่เข้าใจ(ชัดเจนโดยนัยยะต่างๆ)ในการตามเห็นความแปรปรวนของปัจจุบันธรรม, เรียกว่า อุททยัพพยานุปัสสนาญาณ (ญาณตามเห็นความเกิดความดับ)

คนที่ไม่รอบคอบ ก็จะคิดว่า "ก็ตามดูขันธ์ทุกอิริยาบถไง ดูไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ได้ญาณนี้". ซึ่งไม่ปรากฎในนิทเทส (ส่วนอธิบายขยายความ) ของญาณนี้เลย. นั่นก็เพราะชื่อของญาณนี้ และคำจำกัดความที่ยกมาข้างต้นจากอุทเทส กำลังสื่อถึงจุดสุดยอดที่จะได้เมื่อปฏิบัติตามข้อความในนิทเทสที่ยังไม่ได้ยกมาแสดงในอุทเทสที่ยกมานี้ ไม่ใช่ชื่อที่แสดงข้อปฏิบัติ. แต่คนอ่าน ก็ตีความไปก่อนเองแล้วว่า แค่อุทเทสนี่แหละข้อปฏิบัติ เพราะอ่านข้อความในส่วนขยาย คือ นิทเทสแล้วไม่เข้าใจนั่นเอง.

บางคนตีความย้อนยอกตำราไปอีกว่า ก็ดูอิริยาบถ ดู กาย ดูจิตไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เห็นอวิชชาตัณหา กรรม อาหาร เป็นต้น ที่เป็นเหตุของอุปาทะขณะของรูป เป็นต้น เองแหละ. กลายเป็นเอาเหตุไปเป็นผล เอาผลไปเป็นเหตุ. กลายเป็นเหมือนเรือที่จะวิ่งเข้าฝั่งโน้นดีๆ ตามคำสอนในตำรา ก็พลิกกลับมาเข้าฝั่งนี้ อยู่ในวัฏฏะต่อไปอีกเหมือนเดิม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รับตอบปัญหาธรรมะ ตามพระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา
ท่านสอบถาม/แสดงความคิดเห็น/บอกข้อบกพร่องของบทความได้ที่ facebook: ตอบปัญหาธรรมะลึกซึ้ง หรือ ช่องตอบกลับข้างล่างนี้.

ยุคนี้เบาแล้ว

ยุคนี้เบาแล้ว ย้อนไปก่อนจะมีพระพุทธเจ้า  ดูประวัติศาสตร์โลกก็ได้โหดร้ายขนาดไหน, เดี๋ยวพอหมดยุคของพระพุทธเจ้านะ  โคตรหนักแน่นอน 😊  ไม่งั้นจะ...