ตอนท้ายของทุกบรรพะในมหาสติปัฏฐานสูตร เคยแปลกันมาว่า :
ภิกษุพิจารณาเห็นความเกิดในกายบ้าง.
การแปลอย่างนี้ ขัดกับ ปฏิสัมภิทามรรค อุททยัพพยญาณนิทเทส ครับ.
จริงๆ ควรแปลว่า
ภิกษุหมั่นอนุปัสสนา 7 (แบบอุทยัพพยญาณ) คือ เห็นอวิชชา ตัณหา กรรม อาหาร (โดยปัจจัย) และอุปาทขณะ ของรูป ในกาย บ้าง. (แปลตามฏีกามหาสติปัฏฐานสูตรของคำว่า สมุทยธมฺมานุปสฺสี[เหตุแห่งความเกิดด้วย ไม่ใช่แค่ธรรมคือความเกิด] วา กายสฺมึ วิหรติ).
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ยุคนี้เบาแล้ว
ยุคนี้เบาแล้ว ย้อนไปก่อนจะมีพระพุทธเจ้า ดูประวัติศาสตร์โลกก็ได้โหดร้ายขนาดไหน, เดี๋ยวพอหมดยุคของพระพุทธเจ้านะ โคตรหนักแน่นอน 😊 ไม่งั้นจะ...
-
โครงการศึกษาพระวินัยปิฏกแบบโบราณเพื่อการประพฤติปฏิบัติ สถานที่ตั้งสำนักเรียนมหาธรรมรักขิตเจดีย์ -146 ม.1 ต.โป่งน้ำร้อน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จัน...
-
ในกรณีที่มีอาจารย์กรรมฐานที่มี คุณสมบัติ คือ ทั้งบรรลุธรรม ได้ฌาน ได้อภิญญา ได้วิปัสสนาญาณ ได้มรรคผล และทั้ง ทรงจำพระไตรปิฎก อย่าง คล่องป...
-
ถ: ถ้าติดสังฆาทิเสสแล้วไม่ได้แก้ก่อนสึกจะทำให้ชีวิตไม่ดีทำมาหากินไมขึ้นจริงหรือเปล่าครับ? ต: อาบัติไม่มีผลกับฆราวาส ครับ, สึกมาเป็นฆรา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
รับตอบปัญหาธรรมะ ตามพระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา
ท่านสอบถาม/แสดงความคิดเห็น/บอกข้อบกพร่องของบทความได้ที่ facebook: ตอบปัญหาธรรมะลึกซึ้ง หรือ ช่องตอบกลับข้างล่างนี้.