ประเด็นนึงที่น่าสนใจในสังคมโลกปัจจุบัน คือ ชาวพุทธที่ปฏิบัติตามคำสอน และพูดตามคำสอน โดยเฉพาะพระภิกษุ มักจะถูกมองว่า เป็นพวก hater (พวกขี้ยุแยง) เพราะมักจะกล่าวคำพูดที่ส่อว่า "อาจจะ" เป็น hate speech (คำพูดยุแยง), ซึ่งเป็นสิ่งที่สวนทางกับวัฒนธรรมทางยุโรป เช่น อังกฤษ เป็นต้น (ทั้งที่ประเทศนั้น จริงๆ แล้วก็มีหนังสือพิมพ์ขายดี จากการเป็นนักส่อเสียดยั่วยุอย่าง the sun เป็นต้น ซึ่งร้ายกาจ น่ากลัวมากๆ).
ทั้งๆ ที่พระภิกษุเป็นผู้มีเมตตาหาประมาณไม่ได้ ก็ยังถูกฝรั่ง "เหมารวม" ว่า เป็น hater. จะให้เป็นผู้มีเมตตา หรือ ให้เป็นแฮเตอร์กันแน่? ฟังดูขัดแย้งกันเอง.
จริงๆ แล้ว ตามหลักพระไตรปิฎกเถรวาทดั้งเดิม คำสอนจะไม่ขัดแย้งกันเอง. แต่ถ้าพระเป็น hater ก็จะขัดกับคำสอนที่ว่า 'จงเมตตาในสัตว์ทุกหมู่เหล่าไม่มีประมาณ', และถ้าพระภิกษุไม่สอนให้เกลียดทุกสิ่งทุกอย่างในโลกปุถุชน ก็จะขัดกับคำสอนที่ว่า "ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก ไม่สะอาด มีความประพฤติน่ารังเกียจ". อย่างนี้ ขัดแย้งกันเอง.
ฉะนั้น จึงเป็นการเข้าใจผิดทั้งคู่ ไม่ว่าจะเข้าใจว่า "พระภิกษุที่มีเมตตาจะไม่มี hate speech" หรือ "พระภิกษุที่มี hate speech จะไม่มีเมตตา" ก็ล้วนมองศาสนาพุทธอย่างไม่เป็นกลาง มีอคติทั้งสิ้น.
แท้จริงแล้ว ศาสนาพุทธสอนยังไง?
ศาสนาพุทธไม่เคยสอนว่า "เพื่อมุ่งทำร้ายจึงเกลียด" แต่สอนให้ "เพื่อพ้นทุกข์เกลียด". ถ้าเข้าใจเช่นนี้ พระไตรปิฎกที่ยกมาอ้างก่อนหน้านี้ ก็จะไม่ขัดแย้งกัน และมีความชัดเจนว่า พระภิกษุ ไม่ใช่ hater.
"เพื่อมุ่งทำร้ายจึงเกลียด" เป็นยังไง?
ทั้งๆ ที่พระภิกษุเป็นผู้มีเมตตาหาประมาณไม่ได้ ก็ยังถูกฝรั่ง "เหมารวม" ว่า เป็น hater. จะให้เป็นผู้มีเมตตา หรือ ให้เป็นแฮเตอร์กันแน่? ฟังดูขัดแย้งกันเอง.
จริงๆ แล้ว ตามหลักพระไตรปิฎกเถรวาทดั้งเดิม คำสอนจะไม่ขัดแย้งกันเอง. แต่ถ้าพระเป็น hater ก็จะขัดกับคำสอนที่ว่า 'จงเมตตาในสัตว์ทุกหมู่เหล่าไม่มีประมาณ', และถ้าพระภิกษุไม่สอนให้เกลียดทุกสิ่งทุกอย่างในโลกปุถุชน ก็จะขัดกับคำสอนที่ว่า "ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก ไม่สะอาด มีความประพฤติน่ารังเกียจ". อย่างนี้ ขัดแย้งกันเอง.
ฉะนั้น จึงเป็นการเข้าใจผิดทั้งคู่ ไม่ว่าจะเข้าใจว่า "พระภิกษุที่มีเมตตาจะไม่มี hate speech" หรือ "พระภิกษุที่มี hate speech จะไม่มีเมตตา" ก็ล้วนมองศาสนาพุทธอย่างไม่เป็นกลาง มีอคติทั้งสิ้น.
แท้จริงแล้ว ศาสนาพุทธสอนยังไง?
ศาสนาพุทธไม่เคยสอนว่า "เพื่อมุ่งทำร้ายจึงเกลียด" แต่สอนให้ "เพื่อพ้นทุกข์เกลียด". ถ้าเข้าใจเช่นนี้ พระไตรปิฎกที่ยกมาอ้างก่อนหน้านี้ ก็จะไม่ขัดแย้งกัน และมีความชัดเจนว่า พระภิกษุ ไม่ใช่ hater.
"เพื่อมุ่งทำร้ายจึงเกลียด" เป็นยังไง?
- ทำเพื่อมุ่งทำร้าย คือ โทสะ, ทำร้ายทางกาย วาจา ใจ <<< บาปเท่านั้น เพราะบุญไม่ร้ายใครเลย.
- เกลียด คือ ไม่เอาของไม่สะอาด <<< บาปก็ได้ ไม่บาปก็ได้. เกลียดที่ไม่บาป เช่น เกลียดเพราะเข้าใจดีว่ายุ่งกับคนที่ฆ่ายุงจะทำให้มีสิทธิ์ติดนิสัยฆ่ายุงไปด้วย จึงไม่เอา ไม่อยากยุ่งกับคนๆ นั้น แต่ไม่ได้คิดทำร้ายคนๆ นั้น ยังมีเมตตา และความปรารถนาดี พร้อมช่วยเหลือตามความเหมาะสม คือ พูดดี มีการทำดีด้วย เท่าที่สมควรต่อกฎหมาย. เกลียดที่บาป เช่น เกลียดเพราะอยากทำร้ายคนที่ฆ่าคน ไม่คิดช่วยเหลือ ไม่ปรารถนาให้คนที่ฆ่าคนได้ดีมีความสุข.
- ทำเพื่อพ้นทุกข์ คือ การทำทาน ศีล (แม่ตำหนิลูก) สมถะ (เมตตา ฯลฯ) วิปัสสนา เพื่อไม่ให้โทสะ คือ ความมุ่งร้าย เป็นต้น เกิดได้อีก <<< ในโลกิยะเป็นบุญเท่านั้น.
- เกลียด คือ ตามที่อธิบายไว้แล้วข้างบน.
จะเห็นได้ว่า เกลียดตามที่พระพุทธเจ้าสอนนั้น ยังคงคิดดี พูดดี ทำดี ต่อบุคคลที่น่ารังเกียจทุกคน ตามสมควร. แตกต่างจาก hate speech ที่เป็นคำพูด หรือ การกระทำ ที่มีเจตนามุ่งร้าย ทำร้ายร่างกาย และจิตใจ ของเป้าหมายตรงๆ.
ฉะนั้น ศาสนาพุทธไม่ใช่ hate speech, แต่คำสอนสูงสุดของศาสนาพุทธ คือ การเกลียดทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงตัวเอง ต้องการดับตัณหา ความอยากในทุกๆสิ่ง (แต่ไม่ได้มีเจตนามุ่งทำร้าย) จึงดูคล้ายกับ hate speech เท่านั้นเอง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
รับตอบปัญหาธรรมะ ตามพระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา
ท่านสอบถาม/แสดงความคิดเห็น/บอกข้อบกพร่องของบทความได้ที่ facebook: ตอบปัญหาธรรมะลึกซึ้ง หรือ ช่องตอบกลับข้างล่างนี้.