โลภ ศัพท์ ในพระไตรปิฎก ใช้อธิบาย มูลของอกุศลจิตตุปบาท (อกุสลมูล), แต่ตัณหาศัพท์ ในพระไตรปิฏกใช้อธิบาย ปฏิจจสมุปบาท ครับ.
ที่ต้องใช้แยกกัน เพราะในปฏิจจสมุปบาท แสดงเหตุ 2 คือ อวิชชา กับ ตัณหา, แต่อกุสลมูล 3 แสดงเหตุ 3 คือ โลภะเหตุ โทสะเหตุ โมหะเหตุ.
ถ้าใช้ โลภะมูลศัพท์ในปฏิจจสมุปบาท โทสะมูลก็จะเป็นส่วนเกิน เพราะไม่ได้กล่าวไว้โดยตรงในปฏิจจสมุปบาท. ถ้าใช้เหตุ 2 (อวิชชา ตัณหา) แทนอกุสลมูล 3 โทสะเหตุก็จะหายไป ทำให้เวลาอธิบาย อกุศลว่าเกิดขึ้นได้ยังไง ก็จะไม่มีโทสอกุสลมูลจิตด้วย ทำให้พระไตรปิฎกตกหล่น.
พระพุทธเจ้าทรงเห็นด้วยพระญาณอย่างนี้แล้ว จึงแสดงตัณหาบ้าง โลภะบ้าง ตามสมควรแก่บุคคล และตามสมควรแก่การรักษาคำสอนไว้ให้พระศาสนาให้อยู่ครบ 5 พันปี เพื่อสัตว์จะได้มีโอกาสบรรลุธรรมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยนัยตัวอย่างดังกล่าวมานี้ เป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
รับตอบปัญหาธรรมะ ตามพระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา
ท่านสอบถาม/แสดงความคิดเห็น/บอกข้อบกพร่องของบทความได้ที่ facebook: ตอบปัญหาธรรมะลึกซึ้ง หรือ ช่องตอบกลับข้างล่างนี้.