เหตุใดประโยคนี้จึงแปลผิด: "พิจารณาเห็นธรรมคือ ทั้งความเกิดขึ้น (สมุทยะ) ทั้งความดับ (วยะ) ในกายอยู่"
- ตอบโดยสภาวะ: สัตว์ที่ไม่มีปัญญาก็เห็นความเกิด ความดับอยู่ตลอดเวลา เพราะตัวอย่างเช่น เมื่อตาเห็นสี ย่อมเห็นสีทั้งอุปาทะ ทั้งฐิติ และทั้งภังคะ, ตาไม่สามารถเลือกจะเห็นแต่ฐิติขณะได้เลย. แต่คนเราก็เห็นสีอยู่ทั้งวัน, การเห็นความเกิดความดับจึงไม่ใช่ปัญญาเสมอไป. ดังนั้น การเห็นเช่นนี้ จึงเป็นการเห็นระดับที่อรรถกถา อ. มหาสติปัฏฐานสูตร กล่าวไว้ว่า "สุนัขก็รู้จิต รู้เวทนาได้".
- ตอบโดยลักษณะการใช้ศัพท์ในตำรา: ความเกิด ในพระไตรปิฎกอรรถกถาและฏีกา ใช้ศัพท์ว่า นิพพัตติลักขณะ และ ความดับ ใช้ศัพท์ว่า วิปริณามลักษณะ. ส่วนศัพท์ว่า สมุทยะ ในประโยคนี้ เมื่อใช้ในที่แสดงวิปัสสนาญาณ ท่านจะหมายถึงเหตุแห่งนิพพัตติลักษณะเสมอ ซึ่งเหตุแห่งนิพพัตติลักษณะก็ไม่ใช่ตัวนิพพัตติลักษณะตามที่อธิบายในข้อต้น. วยะ-ศัพท์ ก็เช่นเดียวกัน โดยศัพท์นี้เมื่อมากับสมุทยะในที่เป็นวิปัสสนา ให้แปลความหมายเดียวกับคู่ สมุทยะ-นิโรธะ.
- ตอบโดยหลักฐานในอรรถกถา: ไม่สอดคล้องกับอรรถกถา อรรถกถาอธิบายคำนี้ด้วยองค์ธรรมที่เป็นเหตุแห่งความเกิดความดับด้วย, (อวิชชา ตัณหา กรรม เป็นต้น หรือ ธรรมเป็นเหตุเกิดอัสสาสะปัสสาสะ เป็นต้น) ส่วนองค์ธรรมที่เป็นความเกิด (อุปาทขณะ) ความดับ (ภังคขณะ) นั้น ก็เห็นเป็นผลของธรรมะศัพท์นี้อีกที คือ ไม่ได้เห็นแต่ความเกิดความดับ แต่เห็นเหตุแห่งความเกิดความดับด้วย.
- ตอบโดยหลักฐานในฉบับแปลอื่นๆ: แปลไม่ตรงกับพระไตรปิฎกแปลฉบับมหาจุฬา เพราะฉบับนั้นแปลตามฏีกา.
- ตอบโดยหลักฐานในฏีกา: แปลไม่ตรงกับฏีกามหาสติปัฏฐานสูตร.