ช่วงตั้งแต่ ร.4 จนถึงต้น ร. 9 เป็นยุคมืดของศาสนาพุทธในไทย
จากเดิมตามหลักฐานยังพบว่ามีผู้ทรงพระไตรปิฎก/ผู้ทรงพระอภิธรรม
สายหลวงปู่เสาร์, หรือ พระอมโร (เกิด) วัดบรมนิวาส เป็นต้น.
ช่วงนั้นผู้ทรงพระไตรปิฎกที่เคยมี ค่อยๆ อันตรธานหมดไป,
เพราะมีการยกเลิกระบบท่องจำ
แล้วไปเอาวิธีเรียนแบบฝรั่งมาใช้แทน.
เนื่องจากสมัยนั้น ไทยเราโดนพวกตะวันตกบีบบังคับมาก
ด้วยสัญญาเบาริ่ง เป็นต้น จนลามไปถึงรุกรานดินแดน
ทำให้เราต้องรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามาก เพื่อรักษาคนในชาติ.
ทีนี้ธรรมชาติของศาสนาพุทธยุคกึ่งพุทธกาลไปแล้ว
คือ พระดีๆ จะหลบอยู่กลางป่า กลางเขา
พระราชาท่านอยู่ในเมือง ท่านก็จะเห็นแต่พระแย่ๆ
ยุค ร.4 เป็นต้นมาก็เลยทำการปฏิรูป เพราะอยากช่วยศาสนา
มีการตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์, มีการพิมพ์พระไตรปิฎกลงหนังสือ,
ยกเลิกระบบมุขปาฐะ เป็นต้น.
ปัญหา คือ พระป่าสมัยนั้นก็ทิ้งข้อวัตรของตนมาทำตามด้วย
เลยเลิกท่อง เลิกเรียนแบบมุขปาฐะ
เลิกทำตามพระวินัยที่สั่งให้ท่องจำ,
ยังเหลือมุขปาฐะแค่ตอนสอนกรรมฐานเท่านั้น.
จากนั้นมา ผู้ทรงพระไตรปิฎก ผู้ทรงพระอภิธรรมของไทย
ก็เลยอันตรธานหมดไป ในช่วง 100 ปีนั้น
เพิ่งมาเริ่มมีอีกครั้งเมื่อ 10-20 ปีนี้เอง.
เมื่อไม่มีผู้ทรงพระไตรปิฎกคอยสอน
มันก็เลยมีพวกที่อ่านเอา ไม่ท่อง ไม่เรียนให้ครบถ้วนตามระเบียบ
ตัดเอาบางคำจากพระไตรปิฎก อรรถกถา ไปคิดเอง,
บางทีก็เอาแนวคิดฝรั่ง (ซึ่งก็มั่วๆ พอกัน) มาผสม.
จึงเกิดการแอนตี้พระไตรปิฎก (บางส่วน) และอรรถกถา ขึ้น
จากการเรียนผิดวิถี และเข้าใจไม่ครบถ้วนของคนเหล่านั้น ครับ.
ผมเองก็เป็นคนเปิดูเปิดตา ศึกษาตามที่พวกนั้นพูดแล้ว
ก็ไม่เห็นว่า จะเป็นจริง อ่านดูก็รู้เลยว่า พวกเขาไม่รู้จริง
ไม่ได้ท่องจำพระไตรปิฎก, สักแต่ว่าอ่านผ่านๆ เท่านั้นเอง.
ดังนั้น แม้จะพยายามอ่านเรื่องที่พวกเขาเขียนเท่าไหร่ๆ
ก็ไม่ได้ทำให้ผมคล้อยตาม, เพราะเห็นแต่ข้อผิดพลาด คือ
พระไตรปิฎก อรรถกถา ว่าอย่างหนึ่ง,
พวกเขาก็เอาไปพูดให้เป็นอีกอย่างหนึ่ง
ตัดเอาบางอย่างไปพูด, พูดไม่หมด
เหมือนพวกคนโกหกเก่งๆ
ก็จะพูดจริงบ้าง เท็จบ้าง เพื่อหลอกให้คนเชื่อตาม.
ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว, เราสมควรจะฟัง
จะอ่านอะไรตามที่มันเป็น ไม่ต้องไปปรุงแต่งอะไร
เมื่อเข้าใจพระไตรปิฎก อรรถกถา ตามที่ตำราพยายามบอกหมดสิ้นแล้ว
จะชอบหรือไม่ชอบ ผมก็คงไม่ตำหนิ.
แต่คนที่ไม่มีผู้ทรงพระไตรปิฎกสั่งสอนเหล่านี้
กลับไม่เข้าใจพระไตรปิฎกอย่างถ่องแท้
ไม่ได้เข้าใจพระไตรปิฎกอย่างที่พระไตรปิฎกเป็น
พูดผิดๆ ถูกๆ พูดความจริงแค่บางส่วน
ฉะนั้น ผมตำหนิมาก เพราะถือว่า ไม่รู้จริง เดาเอามาพูด.
ฉะนั้นระวังโดนหลอก ครับ.
จะชอบพระไตรปิฎก หรือ ไม่ชอบก็ช่าง.
ก็ให้เกิดจากความรู้ความเข้าใจทุกอย่าง ตามที่พระไตรปิฎกเป็น.
ตามที่ผู้ทรงจำพระไตรปิฎกสืบๆกันมา (อรรถกถาจารย์) ท่านเข้าใจ.
เมื่อเข้าใจความคิดของพวกท่านตรงหมด ถูกหมดแล้ว,
จะชอบ หรือไม่ชอบ ก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัว ครับ.
แต่อย่าอ่านบางส่วนแล้วไปเที่ยวบิดเบือน แบบคนในยุคมืด ครับ.
เพราะถ้ามันผิด, ผลเสียมันจะเกิดกะตัวเอง.
และอาจจะเดือดร้อนคนรอบข้างด้วย.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ยุคนี้เบาแล้ว
ยุคนี้เบาแล้ว ย้อนไปก่อนจะมีพระพุทธเจ้า ดูประวัติศาสตร์โลกก็ได้โหดร้ายขนาดไหน, เดี๋ยวพอหมดยุคของพระพุทธเจ้านะ โคตรหนักแน่นอน 😊 ไม่งั้นจะ...
-
โครงการศึกษาพระวินัยปิฏกแบบโบราณเพื่อการประพฤติปฏิบัติ สถานที่ตั้งสำนักเรียนมหาธรรมรักขิตเจดีย์ -146 ม.1 ต.โป่งน้ำร้อน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จัน...
-
ในกรณีที่มีอาจารย์กรรมฐานที่มี คุณสมบัติ คือ ทั้งบรรลุธรรม ได้ฌาน ได้อภิญญา ได้วิปัสสนาญาณ ได้มรรคผล และทั้ง ทรงจำพระไตรปิฎก อย่าง คล่องป...
-
ถ: ถ้าติดสังฆาทิเสสแล้วไม่ได้แก้ก่อนสึกจะทำให้ชีวิตไม่ดีทำมาหากินไมขึ้นจริงหรือเปล่าครับ? ต: อาบัติไม่มีผลกับฆราวาส ครับ, สึกมาเป็นฆรา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
รับตอบปัญหาธรรมะ ตามพระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา
ท่านสอบถาม/แสดงความคิดเห็น/บอกข้อบกพร่องของบทความได้ที่ facebook: ตอบปัญหาธรรมะลึกซึ้ง หรือ ช่องตอบกลับข้างล่างนี้.