วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2565

ความแตกต่างของการรู้ขณะปรมัตถ์ของญาณวิปปยุตตจิตกับญาณสัมปยุตตจิต และการรู้ปรมัตถ์ในศาสนากับนอกศาสนาต่างกันอย่างไร?

 ความแตกต่างของการรู้ขณะปรมัตถ์ของญาณวิปปยุตตจิตกับญาณสัมปยุตตจิต และการรู้ปรมัตถ์ในศาสนากับนอกศาสนาต่างกันอย่างไร? คือ ญาณวิปปยุตไม่แทงตลอดสภาคฆฏนา จริงอยู่ แม้ไม่มีพระพุทธเจ้าตรัสสอน หมู่สัตว์ก็ใช้ชีวิตอยู่กับสภาคฆฏนาอยู่แล้ว แต่ญาณวิปปยุตไม่สามารถแทงตลอดธัมมสภาวะของสภาคฆฏนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ 6 ได้ เพราะไม่มีความชำนาญในแง่มุมต่างๆของธัมมะ (ธัมมสภาวะ[ปัจจัยปัจจยุปบัน]) เช่น คนเห็นแม่ของตนกับของคนอื่น แม่ของตนก็ปรากฎชัดกว่าของคนอื่น และประโยชน์ 6 ใดๆ ที่จะเกิดขึ้นได้โดยการมีปรมัตถ์ที่เรียกว่าแม่ของตนเป็นอารมณ์ก็สามารถปรากฎชัดได้โดยไม่ต้องนึกคิดมนสิการให้เสียเวลา เป็นต้น จากตัวอย่างนี้ในขณะที่โลกิยญาณนี้แทงตลอดอย่างนั้นก็มีทั้งบัญญัติและปรมัตถ์สภาคฆฏนาเป็นอารมณ์โดยไม่จำเป็นต้องเคยฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ญาณสัมปยุตของผู้ไม่ได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าจะไม่สามารถเห็นสภาคฆฏนาได้ชัดเจน (เห็นได้บ้าง แทงตลอดได้บ้าง แต่ไม่จัดว่าเป็นอภิธรรม เพราะรู้จริงบ้าง รู้มั่วบ้าง สับสนไปหมด) จนแทงตลอดอนัตตลักษณะ เพราะการรู้สภาคฆฏนาในปุถุชนผุ้ไม่ได้สดับนั้นไม่สามารถภาวนาพัฒนาได้ถึงระดับฆนวินิพโภคะแบบขณะปรมัตถ์เกิดดับแบบสังขตลักษณะอย่างที่พระพุทธเจ้าและสาวกของพระองค์สามารถทำปริญญาสำเร็จได้ จึงไม่มีทางกำจัดกิเลสได้สิ้นสักที. จริงอยู่ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับทำได้เพียงการรู้นามรูปปรมัตถ์สะเปะสะปะ ตรงจริงบ้าง มั่วบ้าง แทงตลอดบ้าง รู้ไปเรื่อยๆบ้าง มืดบอดคลำช้างเดาทางไปเรื่อยเปื่อย ปุถุชนที่มีอารมณ์เป็นปรมัตถ์อยู่นั้นไม่สามารถจะรู้ว่า ที่ชื่อว่าสัตว์ จริงแล้วแค่นามขันธ์ 4 รูปขันธ์ 1 เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน เป็นของละเอียด แม้เมื่อทำกุศลอยู่ก็ยึดมั่นถือมั่นสลับกันไป อย่างนี้ๆเป็นไปไม่สิ้นสุดเพราะตัณหาติดใจอวิชชาปกปิดอยู่ เหมือนคนเห็นสีอยู่ก็เห็นปรมัตถ์ แทงตลอดอยู่ว่าสีที่ต่างทำให้เห็นต่าง จึงให้ทานที่แตกต่างกันเพื่อหวังบุญ ก็เป็นโลกิยญาณสัมปยุตแทงตลอดบัญญัติและปรมัตถ์สภาคฆฏนาแค่พอจะทำทานอย่างฉลาดได้เท่านั้น (แม้โลกิยปัญญาก็เกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีการแทงตลอดธัมมสภาวะ) แต่ไม่แทงตลอดว่าสีกำลังเกิดดับอย่างรวดเร็วเพราะปัจจัยมากมาย และจะเกิดดับต่อไปตราบเท่าที่ยังมีตัณหาอวิชชาเกิดได้อยู่. ส่วนพระพุทธเจ้าและสาวกสามารถจะภาวนาจนแทงตลอดนามรูปปรมัตถ์ทั้งอดีตอนาคตปัจจุบันได้ชัดเจน ไม่เหลือความเป็นกลุ่มก้อน มีเพียงธัมมสภาวะสภาคฆฏนาที่เกิดดับตามปัจจัยเป็นลำดับซับซ้อนเท่านั้นที่เป็นไปละเอียดรวดเร็วนับประมาณไม่ได้ แต่ก็เหล่าพุทธทั้งหลายก็สามารถแทงตลอดได้อย่างชัดเจนไม่สับสน จึงคลายตัณหาทำลายอวิชชาสิ้นได้. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รับตอบปัญหาธรรมะ ตามพระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา
ท่านสอบถาม/แสดงความคิดเห็น/บอกข้อบกพร่องของบทความได้ที่ facebook: ตอบปัญหาธรรมะลึกซึ้ง หรือ ช่องตอบกลับข้างล่างนี้.

ยุคนี้เบาแล้ว

ยุคนี้เบาแล้ว ย้อนไปก่อนจะมีพระพุทธเจ้า  ดูประวัติศาสตร์โลกก็ได้โหดร้ายขนาดไหน, เดี๋ยวพอหมดยุคของพระพุทธเจ้านะ  โคตรหนักแน่นอน 😊  ไม่งั้นจะ...