วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทำไมกุสลวิบากมีกุสลมูล (อโลภะฯลฯ), แต่อกุสลวิบากไม่มีอกุสลมูล (โลภะฯลฯ)

นักศึกษาอภิธรรมใหม่ๆ หลายคนที่เรียนกามาวจรจิตจบแล้วสงสัยถามขึ้นว่า
"ทำไมกุสลวิบากมีกุสลมูล (อโลภะฯลฯ),  แต่อกุสลวิบากไม่มีอกุสลมูล (โลภะฯลฯ)"
ตอบว่า: 
เพราะอกุศลเจตนามีพรรคพวกน้อย (สูงสุดพร้อมกัน 20 ดวง) ไม่มีอกุสลินทริยปัจจัยเป็นต้นเป็นสหชาติ จึงมีพลังเป็นนานักขณิกกรรมปัจจัยให้สัมปยุตธรรมของอกุสลวิบากเกิดได้น้อย. 
ส่วนกุสลเจตนามีพรรคพวกมาก (สูงสุดพร้อมกัน 36 ดวง) ซึ่งพรรคพวกบางกลุ่มก็มีกำลังมากโดยเป็นอินทริยปัจจัยเป็นต้นได้. 

ทำไมถึงยกอินทริยปัจจัย? เพราะเป็นปัจจัยที่อกุสลเจตนามีไม่เท่ากุศลเจตนา.

อธิบายด้วยการจำแนกวิธีให้ดูว่า อกุสลวิบากเจตนาจะให้ผลทางตาต้องอาศัยรูปารมณ์กระทบกัมมชจักขุนทรีย์ ทำให้เกิดจักขุทวาราวัชชนะโดยปกตูปนิสสยปัจจัย จนเป็นอนันตรูปนิสสยปัจจัยกะจักขุวิญญาณินทรียวิบาก (ที่มีจักขุนทรีย์เป็นอินทริยปัจจัย) ซึ่งจักขุวิญญาณินทรียวิบากก็เป็นอินทริยปัจจัยแก่สัพพจิตตสาธารณเจตสิก 7 แน่นอน. จากนั้นก็เป็นอนันตรูปนิสสยปัจจัยกะสัมปฏิจฉันนวิบาก แต่เพราะไม่มีกัมมชจักขุนทรีย์ เป็นอินทริยปัจจัยให้ อกุสลเจตนาจึงไม่สามารถจะทำให้เกิดจักขุวิญญาณินทรียวิบากได้ จึงทำให้เกิดสัมปฏิจฉันนะวิบากที่หทยวัตถุ, โดยอกุสลเจตนาจึงยังให้เกิดวิตักกวิบากเพื่อยกสัมปยุตวิบากขึ้นสู่อารมณ์ ยังให้เกิดวิจารวิบากเพื่อแนบสัมปยุตตวิบากไว้กับอารมณ์ ยังให้เกิดอธิโมกขวิบากเพื่อตัดใจสินใจทำกิจในอารมณ์ ทั้ง 3 ดวงนี้ ให้เกิดขึ้นมาเพื่อให้สัมปฏิจฉันนวิบากปรารภและอยู่กับอารมณ์ได้โดยไม่ต้องอาศัยกัมมชจักขุนทรีย์. จากนั้น เป็นอนันตรูปนิสสยปัจจัยให้เกิดสันตีรณวิบาก (ที่ไม่ชื่อสัมปฏิจฉันนะ เพราะไม่ใช้มนินทรีย์แรกที่อาศัยหทยวัตถุรู้รูปารมณ์นับจากจักขุวิญญาณินทรีย์ นอกนั้นอธิบายเหมือนดวงก่อนทุกอย่าง). จากนั้น เป็นอนันตรูปริสสยปัจจัยให้เกิดโวฏฐัพพนกิริยาซึ่งต้องมิวิริยะ เพราะไม่มีอกุสลเจตนาเป็นนานักขณิกปัจจัยให้เกิด เป็นความพยายามส่วนตัวล้วนๆ ครับ ที่จะตัดสินใจว่า "จะให้ชวนะเสพยังไง ดี? ไม่ดี?".

เมื่ออาวัชชนะเป็นอนันตรูปนิสสยปัจจัยแก่กุศลก็จะต้องมีสัทธินทรีย์, สตินทรีย์, แน่นอน ซึ่งเป็นสัพพสาธารณกุสลเจตสิก ร่วมกับอโลภะ อโทสะ อยู่แล้ว (บังคับกันเกิดแน่นอน) และยังมีพรรคพวกรวมตัวเองแล้ว ก็ไม่น้อยกว่า 19 ดวงรอเกิดด้วยกัน (ในขณะที่อกุศล ร่วมกันมากสุด 8 ดวง). แต่ถ้าเป็นอกุศล จะไม่มีอินทรียปัจจัยพิเศษแบบนี้เลย มีแต่อินทริยปัจจัยที่กุสลเจตนามีเหมือนๆ กันอยู่แล้วเท่านั้นเอง.

นอกจากนี้ อกุศลยังมีพรรคพวกที่สร้างความร้าวฉานอีก คือ อุทธัจจะ ซึ่งคอยทำให้อกุสลเจตนาอ่อนแอลงไปอีก. ต่างจากกุสลปราศจากอุทธัจจะมาร้างความแตกแยกโดยสิ้นเชิง เพราะมีศรัทธาเป็นต้นในวัตถุควรศรัทธาจิตก็ตั้งมั่นด้วยดีกว่าอกุศล.

มากไปกว่านั้น กุศลยังฉลาดยิ่งขึ้นๆ ได้อีก มันสามารถกำจัดแม้กุสลเจตสิกที่ไม่ทำให้จิตมั่นคง อย่างวิตก วิจาร ปีติ ออกไปจนได้มหัคคตกุศลชั้นสูงๆ ขึ้นไปอีกด้วย

ยังมีมากๆ กว่านั้นอีก กุศลยังฉลาดขึ้นไปได้อีก สามารถขัดเกลาเวทนาที่หยาบ ให้ละเอียดขึ้นไปๆ อีกได้ด้วย.

มากที่สุด ของกุศล คือ สามารถรวบรวมพรรคพวกได้ทั้ง 38 (เกิดจริง 36 อีก 2 ดวงก็มีกำลังเต็มที่แต่ไม่ทำกิจกับปรมัตถอารมณ์ เลยไม่เกิดด้วย, ยังสามัคคีกันอยู่ ไม่ได้แตกแยกแบบอกุศล) ให้มีกำลังสูงสุด ทะลุโลก ไปเป็นโลกอุดร โลกุตตระไปเลยได้ด้วย.

นี่คือกำลังของกุศล ที่มีเหนืออกุศลในหลายๆ แง่ครับ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รับตอบปัญหาธรรมะ ตามพระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา
ท่านสอบถาม/แสดงความคิดเห็น/บอกข้อบกพร่องของบทความได้ที่ facebook: ตอบปัญหาธรรมะลึกซึ้ง หรือ ช่องตอบกลับข้างล่างนี้.