วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วินิจฉัยโดยวาระจิตและวิถีจิต จะยิ่งเห็นได้ชัดว่า กลาปะเป็นบัญญัติ

กลาปะ เป็นคำที่ใช้ในลักษณะเดียวกับฆฏนาในปัฏฐาน คือ กลุ่มก้อนที่เกิดพร้อมกัน. ถ้าอาวัชชนะถึงปฐวีรูปอย่างเดียว นามัคคหณวิถี จะไม่สามารถเรียกว่ากลาปะได้ เพราะอัตถัคคหณวิถีจะต้องรู้กลุ่มก้อนไม่ต่ำกว่า 8 รูปขึ้นไปที่เกิดพร้อมกัน (ที่ในตำราเรียกว่า สมูหฆน-อัตถบัญญัติ) แล้วนามัคคหณวิถีจึงจะเรียกว่า กลาปะ ได้, แต่แม้จะอาวัชชนะถึงปฐวีรูปอย่างเดียว นามัคคหณวิถีก็สามารถเรียกว่า รุปฺปนลกฺขณ ได้เลย เพราะปฐวีมีอยู่จริง มีทั้งปัจจัตตลักษณะของตน (กกฺขฬตฺตลกฺขณ) และปัจจัตตลักษณะของรูป (รุปฺปนลกฺขณ) ปญฺญัตฺติคคหณวิถีไม่จำเป็นต้องไปรู้รูป 8 รูปเป็นต้นใดๆ ก่อนที่จะเรียกปฐวีว่ารุปฺปนลกฺขณเลย, สามารถรู้รุปฺปนลกฺขณของปฐวีที่อตีตคฺคหณวิถีได้เลย. จากข้อความยังสามารถอธิบายได้อีกวิธีว่า ปฐวี (กกฺขฬตฺตลกฺขณ และ รุปฺปนลกฺขณ) เกิดได้จากปัจจัย. แต่กลาปะเกิดไม่ได้ เพราะไม่มีปัจจัย. จิตรู้กลาปะได้ เพราะเข้าไปอาศัยกลุ่มก้อนของรูปที่เกิดพร้อมกัน. ในขณะที่จิตรู้กลาปะ จิตไม่ได้รู้รุปฺปนลกฺขณํ หรือ กกฺขฬตฺตลกฺขณํ แต่รู้สมูหบัญญัติของรูปอย่างน้อย 8 รูปที่เกิดพร้อมกัน ซึ่งอาศัยกลุ่มของรูป (สมูหุปาทาย) ในการแสดงตัวให้ถูกจิตเจตสิกรู้ (ปญฺญาปิยตฺตา).

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รับตอบปัญหาธรรมะ ตามพระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา
ท่านสอบถาม/แสดงความคิดเห็น/บอกข้อบกพร่องของบทความได้ที่ facebook: ตอบปัญหาธรรมะลึกซึ้ง หรือ ช่องตอบกลับข้างล่างนี้.