วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

คำถามสำหรับวัด พาอ้าว (pa-auk) -1


คำถามสำหรับวัด พาอ้าว (pa-auk) -1


  1. ในประเทศไทยมีการวินิจฉัยว่า "กลาปะเป็นปรมัตถ์", สำหรับที่นี่แล้ว เมื่อกำหนดกลาปะด้วยวิปัสสนาญาณแล้ว กลาปะเป็นปรมัตถ์หรือบัญญัติ?
  2. ทำไมกุสลมีลักขณาทิจตุกะ, แต่กลาปะไม่มีลักขณาทิจจตุกะ? ลักขณาทิจตุกะของรูปเทียบเท่ากับลักขณาทิจตุกะได้หรือไม่? เพราะเหตุใด?
  3. พ.อ. พอจะคะเนได้หรือไม่ว่า ผู้ที่เข้าใจว่า "กลาปะเป็นปรมัตถ์" และ "กลาปะไม่ใช่ปรมัตถ์" นั้น อ้างอิงหลักฐานหรือหลักการอย่างไร?
  4. นิพพัตติลักษณะของรูปในอุทยัพพยญาณเป็นของรูปใดบ้าง? หรือว่าองค์ธรรมเท่ากับอุปจยรูป?
  5. ถ้าอุปจยรูปเป็นปรมัตถ์ได้, อุปาทขณะของจิตก็ต้องเป็นปรมัตถ์ใช่หรือ?
  6. ถ้าเทียบกับเรื่อง กาลเป็นอุปาทาบัญญัติ ในอัฏฐสาลินี, แสดงว่า อุปจย และอุปาทขณะ แม้เป็นชื่อที่ตั้งโดยอาศัยการเปรียบเทียบอาการของขันธ์ก็จริง, แต่เพราะไม่ได้สื่อถึงอาการ แต่สื่อถึงขันธ์นั่นแหละ แค่ตัดเอาเฉพาะอุปจยขณะ/อุปาทขณะมาแสดง ฉะนั้น จึงเป็นปรมัตถ์ เหมือนกับเรื่อง อนิจจัง และ อนิจจตา เป็นต้น ใช่ไหมครับ?
  7. ถ้าเทียบกับเรื่อง กาลเป็นอุปาทาบัญญัติ ในอัฏฐสาลินี, แสดงว่า อุปจย และอุปาทขณะ แม้เป็นชื่อที่ตั้งโดยอาศัยการเปรียบเทียบอาการของขันธ์ก็จริง, แต่เพราะไม่ได้สื่อถึงอาการ แต่สื่อถึงขันธ์นั่นแหละ แค่ตัดเอาเฉพาะอุปจยขณะ/อุปาทขณะมาแสดง ฉะนั้น จึงเป็นปรมัตถ์ เหมือนกับเรื่อง อนิจจัง และ อนิจจตา เป็นต้น ใช่ไหมครับ?
  8. ในทิฏฐิวิสุทธิ วิสุทธิมรรค ในเมื่อ กายทสกะนับไปแล้ว ในโกฎฐาสะ 42 ทำไมตอนท้ายถึงนับอีก ครับ? ถ้าแสดงคนละนัยยะ ทำไมฏีกาเอามานับรวมเป็น 1494 ? ถ้าแสดงนัยยะเดียวกัน ทำไมถึงกล่าวกายทสกะอีกตอนนับรูปที่เป็นวัตถุทวาร? และทำไมตรงวัตถุทวารไม่นับภาวทสกะ?
  9. การที่ปัญจทวาราวัชชนะอาศัยหทยวัตถุไปรับรู้อารมณ์ก่อนทวิปัญจวิญญาณทั้งๆ ที่อารมณ์กระทบอยู่กับปสาทะ ไม่ใช่หทยวัตถุ เช่นนี้มีปัจจัยใด(นอกจากอารัมมณุปนิสสยปัจจัย และปกตูปนิสสยปัจจัยที่แวดล้อม)ที่เป็นเหตุสำคัญหรือไม่ที่ทำให้เกิดวิตก วิจาร อธิโมกข์ ในอารมณ์ใหม่? อย่างไร?
  10. มีเหตุผลอันลึกซึ้งในแง่ลักษณะก็ดี ในแง่ปัจจัยก็ดี มากน้อยแค่ไหน ที่ทำให้ปกิณณกะเจตสิก เกิดบ้าง ไม่เกิดบ้าง ในปัญจทวารวิถี เป็นต้น? (ปรารถนาจะฟังเพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณา)
  11. ในประเทศไทย เชื่อกันว่า ปฏิบัติสติปัฏฐานสูตรแล้ว จะบรรลุนามรูปปริจเฉทญาณ, แต่บางท่านก็เชื่อว่า สติปัฏฐานสูตร เป็นตีรณปริญญา สอนแต่คนผู้เป็นอุคฆฏิตัญญู ตั้งแต่อุทยัพพยญาณเป็นต้นไป. ผมเอง เคยสอบถามท่าน พ.อ. เรวตะ ท่านเองอนุเคราะห์ตอบมาว่า สติปัฏฐานสูตรเป็นขยญาณ. พระอาจารย์กุมาระ มองว่าสติปัฏฐานสูตร แสดงแก่บุคคลเช่นไร?
  12. สัจจบรรพะ แสดงแก่บุคคลเช่นไร? (ผมเองรู้สึกว่า บรรพะนี้ยาวมาก ละเอียดมาก ยังเป็นธรรมะโดยสังเขปหรือไม่?)
  13. อุปจาระของอิริยาบถบรรพะ เป็นพลววิปัสสนาสมาธิ หรือ สมถอุปจารสมาธิ? ถ้าเป็นพลววิปัสสนาสมาธิ ทำไมในอานาปานัสสติจึงกล่าวว่า วิปัสสนาสมาธิเป็นขณิกะเท่านั้น, ถ้าเป็นสมถอุปจารสมาธิ ทำไมในมหาสติปัฏฐานสูตรจึงกล่าวว่า อิริยาบถบรรพะเป็นกรรมฐานแนววิปัสสนา? อุปจาระกองอื่นๆ ในสติปัฏฐานสูตรเหมือนกันหรือไม่?
  14. "ปริญฺญา หิ อปริญฺญาปุพฺพิกา" ที่ฏีกากล่าวถึงเรื่องไม่ควรกำหนด 4 บรรพะ ก่อน หมายความว่าอย่างไร?
  15. สายปฏิบัติในประเทศไทย ที่สืบทอดมาแต่โบราณ ให้ทำอานาปานัสสติ แล้วเจริญวิปัสสนาอย่างย่อ, แต่ตลอดชีวิตมีการท่องจำปาติโมกข์เพียงแต่ภิกขุปาติโมกข์เท่านั้น เช่นนี้มีผลดี ผลเสีย ต่อมรรคผล ในระยะสั้นและระยะยาวหรือไม่? อย่างไร?